ถ้าคุณ!! เป็นคนหนึ่งที่ปวดคอ ปวดบ่า ปวดไหล่ติด กระดูกทับเส้นประสาท และโรคอื่นที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน สอบถามปรึกษา รับคำแนะนำ ติดต่อ คุณภพ 089 9258995 คุณอ้อ 081 7555329
เว็บสุขภาพ ที่นี่! มีอาการโรคต่างๆ
เลื่อนอ่านอาการโรค พร้อมรับคำแนะนำจากเราได้เลยค่ะ
อาการกระดูกทับเส้นประสาท
หรือ กล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท
มีอาการชาร้าวลงขาชาลงฝ่าเท้า
โรคกล้ามเนื้อสะโพกหนีบเส้นประสาท (piriformis syndrome)
- เกิดอาการปวดลึกๆที่แก้มก้น หรือก้นย้อยเท่านั้น มักจะคลำหาจุดกดเจ็บได้ยาก รู้สึกแค่ว่าปวดที่ก้นลึกๆ
- เมื่อปวดมากขึ้นอาจมีอาการปวดก้น และร้าวลงต้นขาด้านหลัง หน้าแข้ง บางรายอาจมีอาการปวดที่ข้อเท้าร่วมด้วย
- อาการปวดเพิ่มมากขึ้น เมื่อนั่งนานๆ โดยเฉพาะคนที่มีอาชีพขับรถ
- อาการปวดจะทุเลาลงเมื่อลุกขึ้นยืน เดิน (แต่ในบางรายที่ปวดเรื้อรังอาจจะปวดตลอดเวลาไม่ว่าจะนั่งหรือยืน)
- บางรายมีอาการชาที่ขาร่วมด้วย และจะชามากขึ้นเมื่อนั่งเป็นเวลานาน จนทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นมายืนก็มี
- พบจุดกดเจ็บที่ก้น และเมื่อใช้นิ้วกดลงไปที่จุดกดเจ็บนั้น จะรู้สึกปวดร้าวชาร้าวลงไปของขาข้างนั้นๆ
อย่า!!.. ปล่อยอาการเหล่านี้ไว้เดี๋ยวกลายเป็นอัมพฤกษ์ นะค่ะ
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
เอานิ้วมือจิ้ม ที่ภาพด้านล่าง
![]() |
เอานิ้วมือจิ้ม ที่ภาพปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
- มีอาการชาร้าวลงขา (อาการคล้ายกับ piriformis syndrome นะครับ)
- พบจุดกดเจ็บกระดูกสันหลังของข้อที่หมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน และในรายที่เป็นมากจะมีอาการปวดแปล๊บทั่วไปทั้งแผ่นหลัง แม้เพียงแตะเล็กน้อยก็จะเจ็บมากจนต้องร้องโอดโอย (ในโรค piriformis syndrome จะปวดลึกๆที่ก้นเท่านั้น ไม่มีอาการปวดหลังใดๆ)
- ไอ จามจะกระตุ้นให้ปวดมากขึ้น (โรค piriformis syndrome ต่อให้ไอทั้งวันก็ไม่ทำให้อาการปวดเพิ่มขึ้น)
- เมื่อนั่งจะรู้สึกสบาย อาการปวดแปล๊บและชาลดลง แต่เมื่อยืนเดินอาการปวดแปล๊บและชาจะเพิ่มมากขึ้น ในผู้ป่วยบางรายเดินเพียง 5 นาทีก็ต้องนั่งแล้วเพราะทนอาการชาไม่ไหว (ผู้ที่เป็นโรค piriformis syndrome อาการปวดจะค่อยๆเพิ่มขึ้นเมื่อนั่งนาน และรู้สึกปวดลึกๆหน่วงๆไม่ใช่อาการปวดแปล๊บเหมือนไฟช็อต)
- กล้ามเนื้อหลังตึงเกร็งจนสังเกตุเห็นได้ว่าผู้ป่วยจะเดินหลังแข็งเหมือนหุ่นยนต์ก็ไม่ปาน (ในโรค piriformis syndrome ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงจะเดินขากระเพกเหมือนคนขาเจ็บ แต่ในรายที่ปวดไม่มากนั้นเดินเหมือนคนปกติทั่วไป)
- ในรายที่ไม่ได้เข้ารับการรักษา จะพบว่ากล้ามเนื้อขาข้างที่ชานั้นมีการฝ่อลีบเมื่อเทียบกับข้างปกติ (การฝ่อลีบของกล้ามเนื้อก็เกิดขึ้นได้เช่นกันในผู้ป่วย piriformis syndrome)
- เมื่อแอ่นหลังผู้ป่วยจะปวดและชามากขึ้น แต่เมื่อก้มหลังอาการจะทะเลาลง (จะแอ่นจนหลังหัก หรือก้มหลังจนมองลอดหว่างขาก็ไม่สามาารถกระตุ้นให้เกิดอาการปวดมากขึ้นได้ในโรค piriformis syndrome)
เอานิ้วมือจิ้ม ที่ภาพด้านล่าง
โรคกระดูกคอเสื่อม (cervical spondylosis )
ลักษณะอาการของโรคกระดูกคอเสื่อม เมื่อเกิดขึ้น หินปูนที่เกาะกระดูกและเอ็นจะไปกดเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการ ปวดคอร้าวไปยังแขนและเกิดอาการชาที่แขน มักปวดหลังคอบริเวณ 2 ข้างของกระดูกสันหลัง
อาจปวดร้าวขึ้นไปถึงท้ายทอย หรือ ลงมาบริเวณสะบัก และปวดมากขึ้นเมื่อมีการเคลื่อนไหวหรือออกแรง ถ้าไม่มีการปวดร้าวมาที่แขน แสดงว่ายังไม่มีการกดเส้นประสาท แต่จะปวดกระดูกและข้อต่าง ๆ ในกระดูกสันหลัง ซึ่งมีการเสื่อมสภาพไป
ถ้ามีการกดเส้นประสาทใด จะมีอาการปวดร้าวไปตามบริเวณที่เส้นประสาทถูกกด อาการนี้มักจะเป็น ๆ หาย ๆ แบบเรื้อรัง โดยระดับกระดูกคอที่มีการเสื่อมบ่อยมาก คือ กระดูกข้อที่ 5-6และข้อที่ 6-7
อาการ คือ ปวดหลังคอร้าวไปยังแขนตรงกล้ามเนื้องอแขน และอาจปวดร้าวไปถึงแขนท่อนล่าง จนถึงนิ้วโป้งและนิ้วชี้ และอาการเส้นประสาทคอเส้นที่ 7 ถูกกด คือปวดหลังคอร้าวไปด้านหลังของไหล่ ไปหลังแขนตรงกล้ามเนื้อเหยียดแขน และอาจปวดร้าวไปถึงด้านหลังของแขนท่อนล่าง จนถึงนิ้วกลาง ถ้ามีการกดประสาทไขสันหลังขึ้น จะมีอาการแบบค่อย ๆ อ่อนแรงลงเรื่อย ๆ
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
เอานิ้วมือจิ้ม ที่ภาพด้านล่าง
เอานิ้วมือจิ้ม ที่ภาพปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
ข้อไหล่ติด (frozen shoulder, adhesive capsulitis)
ภาวะข้อไหล่ติดนั้นเกิดจากเส้นเอ็นหุ้มข้อไหล่อักเสบ ทำให้เส้นเอ็นเหล่านั้นหนาตัวขึ้น และเมื่อเรายกแขนหรือเอามือไขว้หลังจะทำให้เส้นเอ็นถูกยืดและกระตุ้นให้เกิดความเจ็บปวดขึ้น จนทำให้เราไม่กล้ายกแขนขึ้นเหนือศีรษะนั่นเอง แล้วเมื่อเราหลีกเลี่ยงการยกแขน
การเคลื่อนไหวหัวไหล่ จะยิ่งทำให้เอ็นรอบข้อไหล่หนาตัวมากขึ้น มากขึ้น องศาการเคลื่อนไหวเราจะยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ ทีนี้อย่าว่าแต่จะยกแขนเลยครับ แค่ขยับแขนนิดๆหน่อยๆก็ร้องโอดโอยกันแล้ว
- รู้สึกปวดตึงที่บริเวณหัวไหล่ และปวดมากเมื่อยกแขนขึนเหนือศีรษะ
- เอามือพาดหลังไม่ได้ หรือเอามือติดตะขอเสื้อในไม่ได้
- เมื่อนอนตะแคงทับแขนข้างที่ไหล่ติด จะกระตุ้นให้เกิดอาการปวดมากขึ้น
กดที่ภาพ อ่านเพิ่มเติม ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
กดที่ภาพ อ่านเพิ่มเติม ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
กดคลิ๊กที่ภาพ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
โรคปวดสะโพกร้าวลงขา (si joint dysfunction syndrome)
ลักษณะอาการ
- มีอาการปวดตื้อๆ แหลมๆบริเวณข้อต่อ กระเบนเหน็บ แต่ในรายที่ปวดมากจะปวดร้าวลงขาด้วย
- ปวดตามแนวขอบกางเกงใน
- ปวดมากขึ้นเมื่อให้ยืนขาข้างเดียว หรือเอียงตัวไปด้านข้าง
- ปวดเพิ่มขึ้นทันทีเมื่อเปลี่ยนจากท่านั่งเป็นลุกขึ้นยืน แต่อาการปวดจะทุเลาลงเมื่อเดินไปได้สักระยะ
- บางรายขณะเดินๆอยู่รู้สึกเข่าทรุด ขาพับไปเองทั้งที่ไม่มีอาการปวดก็ได้
- รู้สึกขาอ่อนแรง เมื่อยล้าง่าย
- ไม่มีอาการปวดบริเวณหลัง โดยมากมักปวดตั้งแต่ขอบกางเกงในลงมา
- ไม่มีอาการชา
- หากใส่กระโปรง กระโปรงจะหมุนขณะเดิน
กดที่ภาพด้านล่าง อ่านเพิ่มเติม ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
โรคประสาทไขสันหลังอักเสบเฉียบพลัน (Acute transverse myelitis)
อาการ
จะมีอาการชาและอ่อนแรงที่ปลายเท้าทั้ง 2 ข้าง ในระยะเริ่มแรก และลุกลามไปที่ขาทั้ง 2 ข้าง อาจมีอาการปวดหลังแบบฉับพลันนำมาก่อนในบางราย
ต่อมาขาจะอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จนเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ ถ่ายปัสสาวะอุจจาระไม่ได้ อาการจะรุนแรงขึ้นเฉลี่ยภายใน 24 โมง อาการที่อาจเกิดขึ้นร่วมด้วย เช่น มีไข้ เบื่ออาหาร ปวดศีรษะ ปวดคอ
อาการแขนขาอัมพาต หรือหยุดหายใจเนื่องจากกล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาตจากการอักเสบที่ไขสันหลังระดับคอมักเกิดขึ้นเป็นส่วนน้อย
อาจมีอาการไข้ ไอคล้ายไข้หวัด หรือเป็นโรคเยื่อตาขาวอักเสบจากเชื้อไวรัสนำมาก่อนในบางราย
กดที่ภาพด้านล่าง ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
อาการของผู้ป่วย TOS
- มีอาการปวดที่ก้านคอ
- ปวดแบบเป็นๆหายๆ และจะปวดมากขึ้นในช่วงเย็นหลังจากทำงานมาทั้งวัน
- เมื่อเงยหน้า หรือเอียงศีรษะไปทางด้านใดด้านหนึ่งค้างไว้ผู้ป่วยจะอาการปวดที่ก้านคอมากขึ้นและอาจปวดร้าวลงแขนร่วมด้วย
- บางครั้งก็มีอาการปวดร้าวไปยังขากรรไกร, หู, ทรวงอก หัวไหล่ และร้าวลงมาถึงแขน
- มีอาการชาที่แขนตามตำแหน่งของเส้นประสาทที่ถูกกดทับ
- บางรายก็มีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย
- ในรายที่มีภาวะไหล่ห่อจะมีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคนี้ได้เช่นกัน
ซึ่งจากอาการที่กล่าวมานั้นจะพบว่ามีความคล้ายคลึงกับโรคกระดูกคอเสื่อมและโรคกล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรังอยู่มากพิสมควร
กดที่ภาพ ติดต่อ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
อาการนี้ฟื้นฟูได้ เห็นผลแน่นอน

กดที่ภาพปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
โรคเส้นเอ็นอักเสบ (Tendinitis)
อาการของโรค
ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บปวดบริเวณเส้นเอ็นที่เกิดการอักเสบ ความรุนแรงแตกต่างกันไป อาจปวดเพียงเล็กน้อย หรือปวดมากจนทนไม่ได้ ผู้ป่วยจะมีอาการปวดบริเวณตำแหน่งที่เส้นเอ็นอักเสบนั้นๆ
ถ้าจุดที่เกิดการอักเสบอยู่ที่ตำแหน่งหัวไหล่ถ้าปวดมากก็จะทำให้ยกแขนไม่ได้ อาจมีอาการนอนทับแล้วปวด
เอ็นอักเสบบริเวณข้อศอก จะทำให้งอและเหยียดข้อศอกได้ไม่สุด ออกแรงดึงหรือพลักประตู หรือยกของจะทำให้ปวด
เอ็นอักเสบบริเวณข้อมือ จะทำให้มีอาการปวด ขณะเขียนหนังสือ พิมพ์ หรือคลิกเมาส์ บางรายเป็นมากจนมีอาการชาที่ปลายมือร่วมด้วย
เอ็นอักเสบบริเวณหัวเข่า จะทำให้มีอาการปวดตอนเดิน หรือยืนนาน งอเข่าไม่ได้ ขึ้นลงบันไดจะมีอาการปวด
เอ็นอักเสบบริเวณข้อเท้า จะทำให้เดินหรือยืนทิ้งน้ำหนักลงข้อเท้าข้างที่เป็นไม่ได้ทำให้เดินกระเพลก แต่ถ้าเป็นมากจนเส้นเอ็นฉีกหรือขาดก็จะสูญเสียการเคลื่อนไหวในจุดนั้นๆ ไปเลย คือไม่สามารถเคลื่อนไหวข้อต่อนั้นได้นั่นเอง
กดที่ภาพ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ

เอานิ้วมือจิ้ม ที่ภาพปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
“โรคกล้ามเนื้อหดเกร็ง”
ปวดคอ ไหล่ติด สะบักจม สัญญาณเตือน “โรคกล้ามเนื้อหดเกร็ง”
โรคกล้ามเนื้อหดเกร็ง ปล่อยนานอันตราย!
กล้ามเนื้อส่วนที่พบปัญหา Chronic Myofascial Pain Syndrome มากที่สุด ได้แก่ กล้ามเนื้อบริเวณ ต้นคอ บ่า และหลังเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากกิจกรรมประจำวันของเราแทบทุกคน มักต้องใช้กล้ามเนื้อส่วนนี้กันตลอดเวลา ทั้งในการทำงาน การออกกำลังกาย การเล่นดนตรี ไปจนถึงการเล่นโทรศัพท์มือถือ อ่านหนังสือ แม้แต่การนั่งอยู่เฉยๆ หรือในขณะหลับ
ในรายที่เป็นไม่มาก อาจจะมีแค่อาการปวดตึงๆ เมื่อยๆ เท่านั้น ซึ่งเมื่อรู้สึกตัว และรีบผ่อนคลาย ยืดเหยียด หรือนวดคลายกล้ามเนื้อสม่ำเสมอ อาการก็ทุเลาหายไปได้ แต่บางรายที่ละเลยต่ออาการ และมักมีพฤติกรรมทำร้ายกล้ามเนื้อซ้ำ เช่น การสะบัดหรือ จับคอบิดแรงๆ เป็นประจำ โดยไม่ยืดเหยียด ผ่อนคลาย อาจมีอาการปวดรุนแรงจนไม่สามารถทำงานหรือนอนหลับอย่างเป็นปกติได้
หากปล่อยอาการให้เป็นเรื้อรัง กล้ามเนื้อจะหดเกร็งมากขึ้นจนจับตัวเป็นก้อนหรือเป็นเส้นแข็งๆ จนเราสามารถคลำเจอได้ และเมื่อกดลงไปจะรู้สึกเจ็บมาก ก้อนหรือเส้นนี้ ส่วนหนึ่งเป็นพังผืดที่ก่อตัวขึ้นจากการอักเสบเรื้อรังของกล้ามเนื้อนั่นเอง
ซึ่งหากเป็นมากถึงระดับนี้ อาจพบอาการร่วมอื่นๆ เช่น ปวดศีรษะข้างเดียวคล้ายโรคไมเกรน เนื่องจากหลอดเลือดบริเวณไหล่ ลำคอที่ส่งเลือดขึ้นไปเลี้ยงศีรษะหดเกร็ง ไม่สามารถส่งเลือดขึ้นไปได้ตามปกติ หรืออาจมีอาการปวดร้าวลงสะบัก แขนชา ลงไปจนถึงมือ และปวดบั้นเอว เป็นต้น
เอานิ้วมือจิ้มที่ภาพ
กดที่ภาพ ติดต่อ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
โรคนิ้วล๊อค
อาการของโรคนิ้วล็อคมีทั้งหมด 4 ระยะ
1.ระยะอักเสบ จะมีอาการปวดบริเวณฝ่ามือตรงกับโคนนิ้วมือ (ด้านตรงข้ามกับปุ่มมะเหงกนี่เอง) มีอาการกดเจ็บบริเวณดังกล่าว แต่ยังไม่มีอาการสะดุดหรือนิ้วล็อค
2.ระยะนิ้วสะดุด เมื่อมีการงอแล้วเหยียดข้อนิ้วจะพบกับอาการสะดุดขณะทำ ถ้าอาการไม่ชัดเจนการกดที่โคนนิ้วมือจะทำให้อาการชัดเจนมากขึ้น
3.ระยะนิ้วล็อค เส้นเอ็นเคลื่อนได้น้อยลง เวลาที่งอข้อนิ้วจะไม่สามารถเหยียดข้อนิ้วออกได้เอง ต้องใช้มืออีกข้างช่วยในการเหยียดนิ้วออก
4.ระยะข้อนิ้วติด ระยะนี้ข้อนิ้วมือจะติดในท่างอ ไม่สามารถเหยียดออกได้ หากพยายามฝืนเหยียดจะทำให้มีอาการปวดมาก
เอานิ้วกดที่ภาพ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
โรคกระดูกเสื่อม เข่าเสื่อม
มีอาการร้อนหรือบวมแดงบริเวณข้อเข่า มีอาการปวดมากขึ้น
เอานิ้วมือจิ้ม ที่ภาพปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
โรคโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ” (Lumbar spinal stenosis)
อาการโรคนี้
สำหรับอาการของโรคจะแตกต่างกันออกไปตามระดับความรุนแรง หากเกิดขึ้นบริเวณกระดูกสันหลังต้นคอ
จะทำให้ปวดและชาบริเวณต้นคอ บางรายมีอาการอ่อนแรงร่วมด้วย เนื่องจากการกดทับกันของเส้นประสาท
หากเกิดบริเวณเอวจะทำให้เกิดอาการปวดหลัง ยิ่งจะปวดรุนแรงมากขึ้นในท่ายืนหรือท่าแอ่นหลัง
ร่วมกับอาการชาและอ่อนแรงได้เช่นเดียวกัน แต่อาการอ่อนแรงจะส่งผลไปถึงขาทั้งสองข้างได้
ในขณะเดินหรือยืน เสี่ยงต่อการหกล้มได้หากเกิดอาการในช่วงที่กำลังเดินอยู่ เมื่อนั่งพักอาการจึงจะค่อยๆ กลับมาดีขึ้น
เมื่อมีอาการเกิดขึ้นผู้ป่วยควรรบเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อหาสาเหตุของอาการที่เกิดขึ้น
โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีอาการปวดขาหรือปวดหลังมากจนส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหว
ไม่สามารถเดินเหินได้ปกติ เดินได้เพียงระยะทางสั้นๆ หยุดเดินบ่อย หรือมีปัญหาในการขับถ่าย
ในรายที่รุนแรงจะพบการติดเชื้อ ทำให้มีอาการปวดร่วมกับภาวะไข้ เบื่ออาหาร
น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว และมักพบอาการปวดอย่างรุนแรงในช่วงกลางคืน
โรคไฟโบรมัยอัลเจีย (Fibromyalgia)
อาการของผู้ที่เป็นโรคไฟโบรมัยอัลเจีย
- นอนไม่หลับ ไม่สามารถนอนหลับลึกได้ ตื่นทุกๆ 2 ชั่วโมง เมื่อตื่นมาไม่รู้สึกสดชื่นเหมือนคนนอนไม่พอติดต่อกันเป็นเวลานาน
- มีการรับความรู้สึกที่ไวมากกว่าปกติ เช่น อากาศอุ่นขึ้นเพียงเล็กน้อยก็บอกว่าร้อนแล้ว พออากาศเย็นลงหน่อยก็บอกว่าหนาว แตะโดนตัวเบาๆก็รู้สึกเจ็บ เป็นต้น
- มีความผิดปกติทางจิตใจร่วมด้วย เช่น เป็นโรคซึมเศร้าอยู่ก่อนแล้ว
- อ่อนเพลียง่าย
- มีความเครียดง่าย อ่อนไหวทางอารมณ์สูง
- รู้สึกกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นฝืดตึง
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ปวดกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกาย และส่วนมากมักปวดไม่เลือกเวลา ปวดอย่างไม่มีเหตุผล และจะปวดมากขึ้นเมื่อมีอารมร์โกรธ หรือซึมเศร้า
- ปวดตามข้อต่อ ทั้งๆที่ตรวจโรคแล้วก็ไม่พบว่าข้อต่อมีปัญหาอะไร
- จำเหตุการณ์ต่างๆที่เข้ามาในชีวิตไม่ค่อยได้ ขี้หลงขี้ลืม
หากผู้ป่วยมีอาการดังกล่าวยาวนานติดต่อกันมากกว่า 6 เดือนก็สันนิษฐานได้เลยครับว่าเป็นโรคไฟโบรมัยอัลเจียแน่ๆ
เอานิ้วมือจิ้มที่ภาพ
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
เอานิ้วมือจิ้ม ที่ภาพปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
โรคเก๊าต์
อาการของโรคเก๊าท์
โรคเก๊าท์ในระยะเริ่มแรก คือมีอาการปวดแดงอย่างเฉียบพลัน โดยในช่วงวันแรกจะเป็นช่วงที่ปวดมากที่สุด และไม่มีอาการเตือนล่วงหน้า จุดที่จะแสดงอาการก่อนส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้แก่นิ้วโป้งเท้า และตรงข้อเท้า และข้อเข่า หลังจากเวลาผ่านไปในวันที่สองอาการปวดก็จะเบาบางลงและหายปวดใน 5 - 7 วันหลังเกิดอาการ โดยสถิติแล้วพบว่า เพศชายมีโอกาสเป็นโรคเก๊าท์มากกว่าเพศหญิง
อาการที่เด่นชัดของโรคเก๊าท์ คือ โพดากร้า (podagral) ซึ่งจะมีอาการอักเสบของข้อที่นิ้วหัวแม่เท้า ผู้ป่วยจะรู้สึกปวด รวมถึงสังเกตได้ว่าข้อเท้ามีอาการบวมแดงและร้อน อาการปวดมักจะเริ่มต้นในช่วงกลางคืน ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดอาจเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมง
เอานิ้วมือจิ้ม ที่ภาพปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
ศูนย์สุขภาพดี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเว็บไซน์นี้จะมีประโยชน์กับทุกท่าน จากที่เราไม่เคยรู้เรื่องโรคมาก่อน เราได้อ่านแล้วเข้าใจมากขึ้น และเพื่อมุ้งเน้นให้ความรู้และวิธีฟื้นฟู ซ่อมแซมอาการที่เป็นอยู่ด้วยธรรมชาติ ปลอดภัยต่อร่างกาย ทางศูนย์ยินดีให้คำปรึกษาค่ะ
ขอแสดงความนับถือต่อผู้อ่านทุกท่าน
ขอบคุณค่ะ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น